ประโยชน์ของสายดิน กับปัญหาความปลอดภัยที่หลายคนมองข้าม

สายไฟประกอบไปด้วย 2 เส้น 1 เส้นไม่มีไฟ และ อีก 1 สีมีไฟ ใช้สำหรับจ่ายกระแสไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของคุณ แต่ทำไมเราถึงต้องใช้ที่มีสามเส้นที่เป็นสีเขียวละ สายที่เพิ่มมาเรียกว่าสายดิน เป็นสายที่จะส่งผ่านไฟฟ้าส่วนเกินจากระบบให้กระจายลงดินผ่านแกนทองแดงที่เจาะลงบนดินลึกกว่า 2.5 เมตร สายที่มีไฟหรือสาย (Hot) สายเส้นนี้มีศักยภาพในการประมาณ 110 ถึง 120 โวลต์เมื่อเทียบกับพื้นดิน

 

คุณลองคิดถึงตู้เย็นของคุณดูสิ ทำจากโครงของโลหะที่มีขาตั้งเป็นเท้ายางที่มีกระแสไฟฟ้าไหลเข้าและออกกระแสไฟฟ้าที่ไหลจากเต้าเสียบและผ่านสายไฟไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในตู้เย็นจะถูกแยกไฟฟ้าจากด้านนอกของโลหะหรือแชสซีของตู้เย็น สมมุติว่าเกิดกระแสไฟฟ้าสัมผัสกับตัวถังของตู้เย็น ส่วนขาของตู้เย็นที่เป็นยางจะกันไม่ให้กระแสไฟฟ้ากระจายไปที่อื่น มันจะเกิดแระแสไฟฟ้าค้างอยู่รอบ ๆ ของตู้เย็นรอให้มีคนเดินขึ้นและแตะตู้เย็น เมื่อใครบางคนสัมผัสตู้เย็นไฟฟ้าจะไหลจากแชสซีตู้เย็นและผ่านคนที่โชคร้ายและอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการบาดเจ็บจนถึงตายได้

กราวด์จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น เมื่อเชื่อมต่อสายดินสีเขียวเข้ากรอบโลหะของตู้เย็นถ้าตัวโครงเหล็กของตู้เกิดอาการช็อตด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม ไฟฟ้าจะเดินทางกลับไปยังตู้ไฟ และถูกส่งผ่านออกจากระบบโดยแท่งทองแดงขนาดใหญ่ ที่ฝังลึกลงไปในดิน เพื่อให้ดินดูดซับกระแสไฟฟ้าส่วนเกิน ทำให้ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า และผู้ใช้งานปลอดภัยจากการถูกไฟช็อต

ในขณะนี้การต่อสายดินอาจได้รับการพิจารณาว่าเป็นมาตรการด้านความปลอดภัยแล้ว แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันการวางสายไฟฟ้าให้เป็นไปตามมตารฐานกลายเป็นส่วนสำคัญของการใช้ไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ เตาอบ ไมโครเวฟ หลอดฟลูออเรสเซนต์ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ จำนวนมากทำให้เกิด “คลื่นรบกวนทางไฟฟ้า” จำนวนมากซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์เกิดความเสียหายและทำให้ทำงานได้ไม่ดี การต่อสายดินที่เหมาะสมไม่เพียง แต่สามารถกำจัด “คลื่นรบกวน” ที่ไม่พึงประสงค์ได้ แต่สามารถทำให้อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากทำงานได้ดีขึ้น

ทั้งนี้คนไทยยังมักจะต่อผิด ๆ ถูก ๆ หรือไม่คิดจะต่อเลยก็มี จะเห็นได้ว่ามันอันตรายแค่ไหนในบ้านที่ไม่มีระบบสายดินเพราะอาจเกิดการช็อตของวงจรภายในบ้าน ทำให้เกิดเพลิงไหม้ ถ้าโชคดีก็แค่สูญเสียทรัพย์สิน แต่ไม่แน่มันอาจจะพรากชีวิตคุณไปก็ได้ในยามค่ำคืน ดังนั้นอย่าไว้ใจใครพูดใครบอกให้มาก เรียกช่างไฟมาเช็คระบบไฟที่บ้านกันดูซักครั้งดีกว่าครับ